วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

สัปดาห์ที่ 1 การใช้งานเบื้องต้น PowerPoint


การใช้งาน Microsoft Office PowerPoint 2007

Microsoft PowerPoint

โปรแกรม Microsoft PowerPoint 2007 เป็นโปรแกรมหนึ่งในตระกูล Microsoft Office เหมาะ
สา หรับการจัดสร้างงานนา เสนอข้อมูล (Presentation) สา หรับนา ไปประยุกต์ใช้ในงานได้หลายประเภท เช่น การนำเสนอข้อมูลสินค้าและบริการ การจัดทา Slide Show การออกแบบแผ่นพับ เป็นต้น
Interface หรือหน้าจอโปรแกรมนับเป็นสิ่งแรกที่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของ PowerPoint2007 ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีการออกแบบปรับโฉมเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด โดยคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก จึงทำให้สามารถเรียกใช้เครื่องมือและคา สั่งต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง PowerPoint 2003 กับ PowerPoint 2007

ริบบอนมีลักษณะคล้ายกับทูลบาร์ ที่เราคุ้นเคยกันดีใน PowerPoint 2003 ซึ่งเป็นแหล่งที่ใช้
สา หรับรวบรวมแท็บเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทา งานมากขึ้น โดยดึงเอาความสามารถออกมาจากเมนูคำสั่งที่ซ้อนๆกันอยู่จากเวอร์ชั่นเดิม ให้แสดงอยู่ในรูปแบบของปุ่มเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้เห็นชัดเจนและคลิกใช้งานได้ทันที

PowerPoint XP
PowerPoint 2007

กฎในการออกแบบหน้าสไลด์

ในการสร้างสไลด์ในแต่ละหน้านั้น ผู้ใช้ควรมีกฎที่เป็นแนวทางในการสร้างงานนา เสนอก่อน
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยสรุปได้ดังนี้

1. ในแต่ละสไลด์ควรมีหัวเรื่องเพื่อบอกถึงสิ่งที่จะอธิบาย
2. ตัวอักษรควรใช้ขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้รับฟังและรับชมสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน
3. ควรใช้คา สั้นๆ ที่อ่านเข้าใจง่าย เพื่อให้เกิดความน่าสนใจและน่าติดตาม
4. หัวข้อของเนื้อหาไม่ควรเกิน 8 บรรทัดในหนึ่งสไลด์ เพราะถ้ามีมากเกินไปจะส่งผลทำให้
สื่อได้ไม่ชัดเจน
5. ไม่ควรนา ภาพมาเป็นพื้นหลัง (Background) เพื่อจะทา ให้อ่านยาก
6. การใส่รูปภาพลงในสไลด์ควรใช้ขนาดพอสมควรไม่ใหญ่เกินไป

การสร้าง Presentation ใหม่ จาก Template

สาหรับการเริ่มสร้างงานพรีเซนต์ใหม่จาก PowerPoint 2007 จะช่วยให้คุณสามารถสร้างงาน
ได้อย่างรวดเร็วขึ้นจาก Template1 หรือแม่แบบสไลด์สำเร็จรูปที่มีให้เลือกมากมาย โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเริ่มออกแบบงานใหม่ทุกครั้งและยังสามารถดาว์นโหลดแม่แบบเพิ่มเติมผ่านทางเว็บไซต์ Microsoft.comได้อีกด้วย

วิธีการสร้างงานใหม่

เมื่อคลิกสัญลักษณ์ เลือก New เลือก Installed Themes ที่ชอบแล้วคลิกปุ่ม Create

การเปิดโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2007

1. คลิก Start Menu
2. คลิกเลือก Program
3. คลิก Microsoft Office
4. คลิกเลือก Microsoft PowerPoint 2007
5. ปรากฏหน้าจอโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2007

การสไลด์แผ่นใหม่

การสร้างสไลด์ใหม่ในโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2007 จะสร้างสไลด์ที่ไม่มีข้อความ
หรือรูปภาพใดๆ อยู่ในเอกสาร ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. คลิกปุ่ม (Office)
2. คลิกเลือกงานนำเสนอเปล่า

การพิมพ์ข้อความลงในสไลด์

                เมื่อเปิดหน้าสไลด์แล้วจะพบว่า มีพื้นที่สีขาวสำหรับพิมพ์ข้อความลงไป โดยการเริ่มต้นพิมพ์
ข้อความลงในสไลด์ มีขั้นตอนดังนี้

1. คลิกให้ปรากฏเส้นเคอร์เซอร์ ตรงบริเวณกรอบที่ต้องการพิมพ์ตัวอักษร
2. พิมพ์ข้อความตามต้องการ เมื่อพิมพ์ข้อความจนสุดบรรทัด โปรแกรมจะขึ้นบรรทัดใหม่
ให้โดยอัตโนมัติ (หากต้องการลบข้อความหรือคำผิดให้แดรกเมาส์เลือกข้อความ จากนั้นกดปุ่ม
<Backspace> ที่คีย์บอร์ด)

การจัดข้อความให้สวย

1. คลิกข้อความที่จะจัด
2. คลิกรูปแบบ
3. คลิกเลือกเครื่องมือที่ Ribbon โดยจัดตามต้องการ

เทคนิคการทา Presentation

การเลือกใช้ข้อความที่มีขนาดเหมาะสม ช่วยให้การนาเสนอมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นในการสื่อให้ผู้ที่มารับข้อมูลเข้าใจ โดยมีหลักการดังนี้
1. ตัวอักษรต้องอ่านง่าย โดยปกติตัวอักษรควรมีขนาดตั้งแต่ 36-60 Point และควรเป็น
ตัวหนา เพื่อจะสื่อได้ชัดเจนมากขึ้น
2. ในหนึ่งสไลด์ไม่ควรใช้แบบตัวอักษรเกิน 2 ประเภท เพื่อความสวยงาม
การเลือกสีในการออกแบบ สีนับว่าเป็นความสำคัญของการออกแบบหน้าจอ  เนื่องจากผู้ใช้
ต้องใช้สายตาดูจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานถ้าใช้สีร้อนอาจทำให้เกิดความระคายเคืองได้

การออกแบบตัวหนังสือ

Microsoft PowerPoint 2007 ยังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้งานพรีเซนต์ของคุณเป็นมืออาชีพได้
ง่ายๆ ด้วยการออกแบบสำเร็จรูปที่พร้อมให้เลือกอย่างจุใจ เช่น การออกแบบพื้นหลังสไลด์ด้วย Themes
Design การปรับแต่งข้อความศิลป์ ด้วย WordArt Style รวมทั้งการเลือกสีสันตามใจชอบด้วย Themes
Color

1. เลือกข้อความที่ต้องการเปลี่ยน
2. คลิกปุ่ม Insert เลือก

วิธีการใส่ Effect ให้กับตัวอักษร

1. คลิกเลือกคลุมข้อความที่เป็นตัวอักษร
2. คลิกเมนูแท็ป Format ด้านบน
3. คลิกเลือกปรับแต่งข้อมูลในหัวข้อ WordArt Styles

ทิป แทป็ Format จะแสดงต่อเมื่อเรามีการคลิกเลือกข้อความที่สามารถปรับแต่งรูปแบบได้ เท่านั้น
สำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งพื้นหลังของตัวอักษรให้มีความโดดเด่น หรือสร้างเป็นปุ่มข้อความ
โดยใช้ Themes Color เป็นตัวกำหนด
1. เลือกกรอบข้อความ
2. คลิกแท็บ Format

การเลือกพื้นหลังสไลด์

                สำหรับบางท่านที่ต้องการความโดดเด่นพื้นหลังของงานพรีเซนต์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยแรกที่ส่งผล
กับการออกแบบและผู้รับข้อมูลโดยตรง เพราะถ้าพื้นหลังไม่ดีจะทำให้ดูแล้วไม่สบายตา สามารถเลือกพื้น
หลัง Themes Design ได้เองอย่างง่าย ดังนี้
1. เลือกกรอบข้อความ
2. คลิกแท็บ Design

การแทรกรูปภาพเข้ามาใหม่

1. คลิกแท็กแทรก (Insert)
2. คลิกปุ่มเพื่อเลือกรูปภาพที่จะนำมาใส่ในสไลด์
3. จะปรากฏหน้าต่างแทรกรูปภาพขึ้นมาให้เลือกโฟล์เดอร์ที่เก็บไฟล์ภาพ
4. คลิกเลือกรูปภาพที่ต้องการ
5. คลิกปุ่มแทรก (Insert) เพื่อแทรกรูปในสไลด์

การปรับแต่งกราฟิกให้สวยงาม

สำหรับผู้ที่ไม่ถนัดการออกแบบศิลปะ Microsoft PowerPoint ก็ได้ออกแบบโปรแกรมให้มี
เครื่องมือที่ใช้สำหรับแต่งภาพขึ้นมาด้วย ในชื่อเครื่องมือ Picture Styles ซึ่งเพียงเราเลือกรูปแบบที่ต้องการ
ภาพก็จะถูกปรับแต่งออกมาสวยงามน่ามอง การเลือกใช้ภาพประกอบ เป็นการเสริมให้สไลด์ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น แต่ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้เกิดความสับสนกับข้อมูลที่นำเสนอได้   ดังนั้นจึงมีวิธีการในการเลือกใช้ภาพให้เหมาะสม ดังนี้
1. ภาพที่นำมาใช้ต้องส่งเสริมข้อความที่นำเสนอ
2. ไม่ควรมีอักษรในภาพถ้าไม่จำเป็น
3. ภาพที่นำมาใช้ไม่ควรใช้ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่มาก เพราะจะทำให้โปรแกรมทำงานหนักขึ้น

การกำหนด Effect การเปลี่ยนสไลด์

                การสร้างสร้างสไลด์จะมีลักษณะเหมือนการเปลี่ยนหน้าหนังสือ ซึ่งดูแล้วไม่น่าสนใจ ซึ่งเรา
ควรที่จะเพิ่มลูกเล่น (Effects) เข้าไป
1. คลิกหน้าสไลด์ที่จะใส่ Effect
2. คลิกแท็บภาพเคลื่อนไหว (Animation)
3. คลิกเลือกรูปแบบ Effects ที่ต้องการ (ซึ่งจะมีตัวอย่างของเอฟเฟ็กต์แสดงขึ้นมาให้ดูด้วย
ระหว่างที่เลือก)
4. จะแสดงตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงให้เห็น

สร้างภาพเคลื่อนไหวแบบตามใจ ใน PowerPoint 2007

                ความสามารถอีกอย่างหนึ่งของ PowerPoint ทุกๆ เวอร์ชั่น ก็คือการสร้าง Animation หรือทา ให้
ภาพของเราที่แสดง บน PowerPoint สามารถเคลื่อนไหวได้ ซึ่งคา สั่งเหล่านี้ จะอยู่ในหัวข้อ "Custom
Animation" ถ้าเป็นเวอร์ชั่นเก่าๆ ที่ต่ำกว่า PowerPoint 2007 ส่วนใหญ่เราสามารถเรียกใช้คา สั่งนี้ได้ดังนี้ คือ  คลิกขวาที่รูปภาพที่ต้องการทา Animation จากนั้นคลิก Custom Animation แต่สำหรับ PowerPoint 2007 จะต่างกันมาก เนื่องจาก Microsoft มีการเปลี่ยนโฉมหน้าทั้งหมด คำสั่งต่างๆ จึงต้องเรียนรู้ใหม่อีกครั้งว่าเก็บอยู่ในหัวข้อไหนอย่างไรก็ตามวันนี้จะแนะนา การสร้างภาพ เคลื่อนไหว ไปตามเส้นทางที่เราต้องการ (เราเรียกว่า Motion Paths) เช่น ภาพจะเลื่อนจากจุด A ไปยังจุด B เป็นต้น ซึ่งเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้จักหรือไม่ค่อนเข้าใจกัน

วิธีการสร้าง Animation ใน PowerPoint 2007

1. คลิกเลือกรูปภาพที่ต้องการ
2. คลิกแท็ป Animations
3. คลิก Custom Animation ด้านล่างของแท็ป Animations
4. จะเห็นหน้าต่างคา สั่ง Custom Animation ด้านขวามือ
5. คลิก Add Effect เลือก Motion Paths
6. คลิกเลือก Draw Custom Paths
7. เลือกหัวข้อ Scribble ลูกศรหรือเคอร์เซอร์ จะเปลี่ยนเป็นรูปดินสอ
8. ให้เขียนเส้นลากไปตามทางที่ต้องการ (ให้จิตนาการว่า จะให้ภาพวิ่งไปในแนวทางใด)
9. จากนั้นปล่อยเมาส์ ที่คลิกค้างไว้
10. โปรแกรมจะแสดงภาพเคลื่อนไหวไปตามเส้นทางที่เราวาด

การออกแบบไดอะแกรม

                สำหรับงานที่จำเป็นต้องสร้างไดอะแกรมหรือผังองค์กรแล้ว Smart Art จะช่วยให้เราทำงานได้
อย่างไม่ยากเย็น ทั้งยังช่วยให้มีความสวยงามมากขึ้นอีกด้วย เพราะภายในชุดตัวเลือกนี้จะมีรูปแบบของ
ไดอะแกรมให้เลือกมากมายรองรับกับงานทุกประเภท

การนาเสนอสไลด์

                หลังจากที่ได้สร้างสไลด์กันไปแล้ว ก่อนจะจบขั้นตอนผู้สร้างควรทดลองดูว่ามีข้อผิดพลาด
อะไรบ้าง ก่อนการนาเสนอจริง
1. คลิกแท็บ View เพื่อนาเสนอภาพนิ่ง (Slide Show)
2. คลิกปุ่ม Slideshow ให้ทา การพรีเซนต์ตั้งแต่ต้นเพื่อเริ่มแสดงการฉายสไลด์ตั้งแต่สไลด์แรก
3. สไลด์จะปรากฏเต็มจอคอมพิวเตอร์
4. กดปุ่ม Enter ที่คีย์บอร์ด โปรแกรมจะเปลี่ยนหน้าสไลด์ทีละหน้า
5. เมื่อสิ้นสุดจะปรากฏหน้าจบการนาเสนอภาพนิ่ง
6. กดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ดอีกครั้ง ก็จะกลับเข้าสู่หน้าโปรแกรมหลัก (หากในระหว่างการ
พรีเซนต์ต้องการออกสู่หน้าโปรแกรมหลักทันที่ให้กดปุ่ม <Esc> บนคีย์บอร์ด)

การบันทึกไฟล์ PowerPoint

                จากขั้นตอนสร้างงาน Presentation พร้อมทั้งทดลองตรวจสอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอน
สุดท้ายคือ การบันทึกไฟล์ PowerPoint ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเรียกใช้งานในครั้งต่อไป ซึ่งการ
บันทึกไฟล์ PowerPoint มีขั้นตอนดังนี้
1. คลิกปุ่ม (Office)
2. คลิกบันทึก
3. เลือกตำแหน่งที่ใช้ในการเก็บเอกสารในช่องบันทึกใน (Save in)
4. ตั้งชื่อเอกสารในช่องชื่อแฟ้ม (File name) ในตัวอย่างผู้เขียนใช้ทัศนคติที่ดีในการทำงาน
5. คลิกปุ่มบันทึก เพื่อยืนยันการบันทึก
6. ปรากฏชื่อไฟล์ที่บันทึกบนแท็บชื่อหัวเรื่อง (Titlebar)

การสั่งพิมพ์ใน PowerPoint 2007

                โดยปกติแล้วไม่ว่าโปรแกรมอะไรในตระกูล Microsoft Office เราสามารถสั่งพิมพ์โดยตรง ได้
จากเมนู File เลือกคา สั่ง Print แต่ถ้าเป็น Office 2007 จะต้องคลิกปุ่ม Office Button และเลือก Print ได้เลย
แต่สาหรับโปรแกรม PowerPoint มีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับเรื่องการพิมพ์อยู่บางอย่าง

พิมพ์แบบ Handouts คืออะไร

                โดยปกติเวลาสั่งพิมพ์ใน PowerPoint จะได้หน้าตาเหมือนที่เห็นบนหน้าจอ presentation แต่ถ้าเรา
ต้องการพิมพ์ เพื่อใช้เป็นเอกสารและมีพื้นที่ ในเอกสารให้สามารถจดข้อความเพิ่มเติมได้ด้วยหรือที่
PowerPoint เรียกว่า "Handouts" เราก็สามารถทา ได้ด้วยเช่นกัน ? และถ้าเราเลือก 3 Slide ต่อหนึ่งหน้า จะมีพื้นที่ด้านขวามือเหลือให้เราไว้จดอีกด้วยเลือกพิมพ์ Slide มากกว่า 1 Slide ในแต่ละหน้า ในคา สั่ง Handouts เราสามารถเลือกจำนวน Slide ต่อหน้าได้หลายแบบ เช่น 1,3,4,6 และ 9 เป็นต้น

วิธีสั่งพิมพ์แบบ Handouts

1. คลิกเมนู Print
2. ในหัวข้อ Print What ให้คลิกเลือก Handouts
3. ในหัวข้อ Handouts ในช่อง Slides per page ให้เลือกจา นวน Slide ตามต้องการ
4. คลิก OK เพื่อสั่งพิมพ์ได้เลย
ลองทดสอบกันดูเลยค่ะ แถมวิธีนี้ยังช่วยประหยัดกระดาษได้อีกมากเลย คุ้มจริงๆ

ลดขนาดไฟล์ให้จิ๋วใน PowerPoint 2007 ในพริบตา

ถ้าคุณเป็นผู้หนึ่งที่มักต้องสร้างไฟล์ Presentation ด้วย PowerPoint คุณอาจเคยประสบปัญหา
เกี่ยวกับขนาดไฟล์ที่มักมีขนาดใหญ่ผิดปกติ บางครั้งแค่สร้างไฟล์ Presentation เพียงหน้าเดียว ก็มีขนาด
หลาย MB เลยทีเดียว คุณทราบหรือไม่ว่า สาเหตุหลักของปัญหานี้อยู่ที่ไฟล์ รูปภาพ หรือ Photos ที่ถ่ายจาก
กล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดสูง ๆ และแน่นอนเรามีคา ตอบที่จะแก้ไขปัญหานี้มาให้พร้อมเสร็จสรรพ..

ลดขนาดไฟล์ Presentation ด้วย PowerPoint 2007

                เราสามารถลดขนาดไฟล์ใหญ่ๆ ของ PowerPoint เวอร์ชั่นเก่าๆ ได้ รวมทั้งเวอร์ชั่น 2007
ด้วยกัน ก็สามารถลด ขนาดไฟล์ของรูปภาพได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้คำสั่งพิเศษที่ซ่อนอยู่ใน PowerPoint 2007
ซึ่งโปรแกรม PowerPoint 2007 จะทา การลดขนาดไฟล์รูปภาพที่อยู่ใน presentation แบบอัตโนมัติ สา หรับขั้นตอนการทา มีดังนี้
1. เปิดไฟล์ presentation เวอร์ชั่นใดๆ ด้วย PowerPoint 2007
2. คลิกเมนู Save As
3. คลิกเลือกปุ่ม Tools ที่ด้านล่างซ้ายมือ
4. เลือกคา สั่ง "Compress Pictures"
5. คลิกปุ่ม Options จากนั้น ในบรรทัด Target Output คลิกเลือก
- Print (220 ppi) สา หรับงานที่ต้องการพิมพ์คุณภาพสูงๆ? (ปกติไม่จา เป็น)
- Screen (150 ppi) สาหรับงานที่ต้องการแสดงบนเว็บ                                    - E-mail (96 ppi) สา หรบงานที่ต้องการส่งผ่านเมล์? (แนะนา ให้ใช้หัวข้อนี้)
6. คลิกปุ่ม OK สองครั้ง
7. คลิกปุ่ม Save เพื่อบันทึก
ตรวจสอบไฟล์ที่บันทึกใหม่ จะเห็นได้ว่าไฟล์มีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ค่ะ..
ข้อควรทราบ คุณสามารถนำไฟล์ที่สร้างจาก PowerPoint รุ่นที่ต่ำกว่ามาเปิดใน Microsoft
PowerPoint 2007

สร้างปุ่มเมนูบนเว็บด้วย PowerPoint 2007

                สำหรับเว็บมาสเตอร์มือใหม่ทุกท่าน ถ้าคุณต้องการสร้างปุ่มเมนู สีสันสวยๆ บนเว็บ เรา
สามารถสร้างจาก Microsoft PowerPoint 2007 ได้ง่ายๆ พูดจริงค่ะ เราสามารถ สร้างปุ่มเมนูสวยๆ ได้อย่าง
ง่ายมากๆ ด้วย PowerPoint 2007 ไม่เชื่อก็ต้องท้าพิสูจน์เช่นเคย
1. เปิดโปรแกรม PowerPoint 2007
2. เปิดหน้าสไลด์ว่างๆ
3. คลิกเมนู Insert
4. เลือกคา สั่ง Shapes และเลือกรูปแบบของเมนูที่ต้องการ
5. จากตัวอย่างเลือก สี่เหลี่ยมมุมขอบมน
6. คลิกและลากเพื่อสร้างรูปสี่เหลี่ยม
7. ดับเบิลคลิกรูปภาพที่สร้าง เมนูด้านบนจะเปลี่ยนไปคา สั่ง Format
8. ในช่อง Shapes Styles
9. ให้เลือกสีสัน และรูปแบบที่ต้องการ
10. หลังจากเลือกจะพบว่ารูปสี่เหลี่ยมที่สร้างขึ้น จะเปลี่ยนรูปแบบ และสีตามที่เราเลือก
11. คลิกขวาที่รูปภาพที่สร้างเลือกคา สั่ง Save as Pictures กำหนดประเภทของไฟล์รูปภาพที่ต้องการ
เช่น JPG, GIF, PNG เป็นต้น (แค่นี้ก็จะได้ไฟล์รูปภาพที่เราสร้าง พร้อมใช้งานบนเว็บแล้ว)
12. สร้างปุ่มเมนูต่อไป ตามจำนวนที่ต้องการ
                จะเห็นว่า ไฟล์เมนูภาพที่สร้างขึ้น จะถูกเก็บไว้ในรูปแบบไฟล์ภาพที่ต้องการ สามารถนา ไปใช้
งานได้ทันที (สา หรับไฟล์รูปภาพที่นา ไปขึ้นเว็บ แนะนา ให้บันทึกเป็น .gif, .png หรือ .jpg เท่านั้น
สา หรับเพื่อนๆ อีกหลายๆ คนที่ต้องการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อทา การค้าขาย
บนอินเตอร์เน็ต หรือต้องการหารายได้พิเศษจากอินเตอร์เน็ตในรูปแบบต่างๆ ? หลายๆ คนท้อที่จะมีเว็บเป็นของตนเอง เพราะไม่ทราบรายละเอียดว่าจะต้องทา อย่างไรบ้าง แถมบางคนกลัวว่าจะทา ไม่ได้ เพราะไม่มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลยวันนี้มีคา แนะนา มาบอกกัน เพื่อให้ทราบว่า เว็บไซต์ทาง่าย ทา ด้ทุกคนเพียงคุณแค่ใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็น และมีความรู้พื้นฐานคอมพิวเตอร์สักนิด


ที่มา... http://www.ictc.ago.go.th/download53/train_book3.pdf
จัดทำโดย นางสาวอรณี เชิดสวรรค์

สัปดาที่ 2 การใช้งานเบื้องต้นSONY VEGAS PRO 10




     หลังจากที่เราได้ทำการติดตั้งโปรแกรม Sony Vegas Pro 13.0 เรียบร้อยไปแล้ว นั่นคือเรามีเครื่องมือที่จะใช้แล้วละ ทีนี้จะใช้อย่างไร เริ่มตรงไหน? ... คงเป็นคำถามที่จะตามมาเยอะแยะเลย Workflow ที่เขาพูดๆ กัน จะเป็นอย่างไร ใจเย็นๆ ติดตามบทความไปเรื่อยๆ พร้อมลงมือทำ จะไม่เป็นเรื่องยากเลย

Workflow การตัดต่อวีดีโอง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน
  • การตั้งค่า Project ให้เหมาะสมกับไฟล์วีดีโอของเรา 
  • การนำเข้า media ต่างๆ เช่น วีดีโอ ภาพนิ่ง เสียงเพลง, จัดเรียงลำดับงานของเราบน Timeline ตามที่เราต้องการ, การตกแต่ง ลูกเล่นโดยใช้ Effect หรือ Transition หรือ การใส่ตัวอักษร/ข้อความ, เสียงพากษ์หรือบรรยาย เพิ่มเติม 
  • การส่งออก (Render) หลังจากตกแต่งเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว เราก็จะทำการส่งออกไฟล์ ไปใช้งาน
     หลักๆ ก็เหมือนมี Input - Process - Output ... งานหลักในที่นี้คือกระบวนการ Process นอกจากจะต้องทำความเข้าใจกับเครื่องมือที่ต้องใช้งาน และต้องใส่ความคิด+จินตนาการ ของเราลงไป

     การตั้งค่า Project เราทำความเข้าใจเพียงครั้งเดียว ก็จะใช้หลักการได้ตลอดไป ... ใช้แนวคิดขบวนการที่ย้อนกลับ Output > Process > Input

     การตั้งค่า Render เราต้องรู้จุดประสงค์ก่อนว่าจะเอาไฟล์ที่ตัดต่อเสร็จแล้วไปทำอะไร เพราะการนำไฟล์ไปใช้งานแต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน

การตั้งค่า Project Properties
     เป็นการเริ่มต้นใหม่ด้วยคำสั่ง New ของทุกๆ โปรแกรม อย่างเช่นโปรแกรม MS-word ต้องกำหนดกั้นหน้า-กั้นหลัง, ระยะขอบ ... เหล่านี้เป็นต้น ในโปรแกรม Sony Vegas Pro ก็เช่นเดียวกัน
Project Property ง่ายๆ ให้ตั้งต่า frame rate ตาม video ที่ถ่ายมา ถ้าไม่รู้ให้ใช้เครื่องมือ "Match Media Video setting ... และตั้งค่า resolution ตามขนาดที่จะนำไปใช้" 
     ข้อความบนนี้เป็นคำกล่าวของผู้มีประสบการณ์ ซึ่งส่วนมาแล้วพวกเขาจะ"ถ่ายวีดีโอเอง / ตัดต่อเอง" ซึ่งเขารู้ดีถึงความสามารถของอุปกรณ์ของเขาที่บันทึกภาพหรือวีดีโอมา ... ปัจจุบันกล้องวีดีโอส่วนใหญ่จะบันทึกมาแบบ Full-HD ขนาด 1920x1080 29.970 fps เป็นอย่างต่ำ (รายละเอียดในส่วนนี้ค่อยมาพูดกันอีกที)

สังเกตว่าเราเข้าถึงเมนูการตั้งค่า Project Property ได้ถึง 3 จุด
หรือจะเข้าทาง Short Cut : Alt+Enter (จุดที่ 4)

หน้าต่างการกำหนดค่าฯ

การตั้งค่า Project property 
> Tab : Video <
Template : Custom (1920x1080, 29.970 fps)
Pixel format : 32-bit floating point (video levels)
Full-resolution rendering quality : Best
Motion blur type : Gaussian
Deinterlace method : Blend fields
check [/] : Adjust source media to better match project or render setting (ตัดขอบดำ ซ้าย-ขวา)
> Tab : Audio <
: Sample rate (hz)  :: 48,000
: Bit depth :: 16
: Resample and... :: Best
check [/] : Start all new project with this setting
     ค่าต่างๆ ที่เห็นในกรอบสีเหลือง เป็นการอ่านค่าจากวีดีโอที่บันทึกมาด้วยการกดปุ่มทูลบาร์ Match Media Video Setting ... สำหรับค่าอื่นๆ ให้ตั้งตามในรูปไปก่อน จนกว่าท่านจะพบวิธีการที่ดีกว่านี้นะครับ
     ที่ตัวเลือกล่างสุด "check [/] : Start all new project with this setting" เป็นการกำหนดให้ใช้ค่านี้ในการเปิดใช้งานครั้งต่อๆ ไป

 *** ตอนนี้สมมุติว่าเราได้สร้างงานขึ้นมาแล้ว พร้อมจะนำไปใช้งาน"อัพขึ้น Youtube" ***

######

การตั้งค่า Render
     Render เป็นการส่งออกผลลัพท์ในงานของเราไปใช้งาน ซึ่งเราต้องรู้จุดประสงค์ก่อนว่าจะเอาไฟล์ที่ตัดต่อเสร็จแล้วไปทำอะไร เพราะการนำไฟล์ไปใช้งานแต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน (สังเกตที่นามสกุล เช่น .avi, .wmv, mp4 ...)
    
หลักการ render 
  • ต้อง Render ให้ตรงกับ Format วีดีโอไฟล์ที่ตัดต่อ เช่น 720*576(SD), 1280*720(HD), 1920*1080(Full HD)
  • ต้อง Render ให้นามสกุลตรงกับการนำไปใช้ เช่น avi, mp4
  • Format Video ในโปรเจคเรา = 1920x1080, 29.970 fps / None (progressive scan)
  ... ที่สำคัญให้ตรงค่า Frame Rate (fps) และ Filels Order : Progressive / Upper(pal) / Lower(ntsc) เช่น ถ่ายมา 1920x1090-29.970p แล้วต้องการตัดต่อไปทำ Dvd ระบบ Pal ก็ตั้งค่าเป็น 720x576-25p
ขั้นตอนการ Render
     การเข้าถึงคำสั่ง Render ได้ 2 วิธี
  • จากเมนู File > Render as ...
  • จากทูลบาร์ Render as ...

การเรียกคำสั่ง Render

การกำหนดค่า

  1. เลือกโฟลเดอร์และตั้งชื่อไฟล์ในการจัดเก็บ
  2. เลือก Template (Sony AVC/MVC หรือ MainConcept AVC/AAC)
  3. เลือก Customize Template เพื่อกำหนดค่าในรายละเอียด


การตั้งค่าต่างๆ 
>> Customize template (Sony AVC/MVC) <<
> Tab : Video <
Video Format : AVC
Frame size : (1920x1080) --> ตามที่ถ่ายมา
Profile : High
Entropy coding : CABAC
Frame Rate : 29.970 (fps)  --> ตามที่ถ่ายมา
Filels Order : progressive --> ตามที่ถ่ายมา
Bit Rate : 15 หรือ 16 Mbps
Encode Mode  :: Render using CPU only
check [/] Enable progressive download
> Tab : Audio <
: Sample rate (hz) :: 44,000
: Bit rate (bps)     :: 128,000
> Tab : Sysstem <
: Format :: MP4               --> นำไปโพสต์ขึ้น Youtube
> Tab : Project <
: Video rendering quality :: Best
ตั้งชื่อเทมเพลท : เช่น Internet HD xxxp - MyRender1920x1080 กด save ไว้ใช้คราวต่อไป
... ขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ได้เก่งคิดค่าพวกนี้เอง เป็นการรวบรวมจากหลายๆ ท่านที่แชร์ประสบการณ์แบ่งปันกันมา ...

เปรียบเทียบเทมเพลท Sony AVC / MainConcept AVC
ที่มา http://www.tigersmile.net/2014/10/sony-vegas-pro-project-render.html

จัดทำโดย นางสาวอรณี เชิดสวรรค์